CAFÉ SHOW 2018
8-11 November, 2018
at COEX Convention Center, Seoul, South Korea
มหกรรมกาแฟ ชา เบเกอรี่ และของหวานที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
ตั้งแต่ปี 2002 ที่ประเทศเกาหลีใต้เริ่มมีการจัดงาน Café Show มหกรรมที่รวบรวมสินค้าและบริการเกี่ยวกับกาแฟ ชา ขนม เบเกอรี่ จนกลายเป็นมหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียและถือเป็นงานระดับโลกที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การกาแฟระหว่างประเทศ (International Coffee Organization : ICO) เป็นงานแรก
ล่าสุดในวันที่ 8-11 พฤศจิกายนที่ผ่านมาได้มีการจัดงาน Café Show ครั้งที่ 17 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม COEX Convention Center กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ โดยได้แบ่งพื้นที่ของฮอลล์ A - D ทั้ง 2 ชั้นออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ From Gourmet to Total Equipment – Hall A, From Tea to Desert & Item – Hall B, From Bean to Cup – Hall C, From the Unique to Blending – Hall D มีการจัดกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งงานเสวนาเรื่องราวของชา กาแฟ และของหวาน มากถึง 600 กิจกรรม การออกบูธของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและร้านค้ากว่า 2,000 บูธจาก 40 ประเทศที่เข้าร่วมมหกรรมสุดยิ่งใหญ่ในครั้งนี้
ภายในงานมีบูธของกาแฟ ชา เบเกอรี่ ของหวาน ไอศกรีม ช็อกโกแลต เครื่องดื่ม อาหาร วัตถุดิบ อุปกรณ์และของใช้ต่างๆ ไปจนถึงสินค้าเกี่ยวกับงานตกแต่ง จากทั้งผู้ประกอบการรายเล็กที่เป็นสตาร์ทอัพ แฟรนไชส์ ไปจนถึงภาคอุตสาหกรรม ให้ได้เลือกชมเลือกช็อปตามความสนใจกันอย่างจุใจตลอดทั้ง 4 วัน
ในส่วนของกาแฟก็มีตั้งแต่บูธจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำกาแฟทั้งหมด ให้ผู้ประกอบการร้านกาแฟได้อัพเดทเครื่องชง เครื่องคั่ว เครื่องบด เทคนิคและอุปกรณ์ใหม่ๆ มีการจำหน่ายเมล็ดกาแฟคุณภาพดีจากบริษัทต่างๆ ไปจนถึงการออกบูธของร้านกาแฟชื่อดังและร้านกาแฟอินดี้จากหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยของเราเพื่อนำเสนอกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) สู่นักดื่มและผู้ประกอบการภายในงาน
Thailand Specialty Coffee in Café Show
สำหรับประเทศไทยเรานั้นได้รับการสนับสนุนจากสมาคมกาแฟพิเศษไทยให้นำกาแฟพิเศษที่ได้รับรางวัลที่ 1 - 5 จากเวทีการประกวด 10 สุดยอดเมล็ดกาแฟไทย (Thai Specialty Coffee Awards) ในงาน Thailand Coffee Fest 2018 ได้แก่ กาแฟจากขุนช่างเคี่ยน อมก๋อย แม่ตอนหลวง จ.เชียงใหม่ กาแฟบ้านเลอตอโกร จ.ตาก และกาแฟมณีพฤกษ์ จ.น่าน พร้อม 6 บาริสต้าตัวแทนจากบริษัท Bluekoff, Espressoman และ Nine one Coffee มาชงกาแฟเพื่อประชาสัมพันธ์ 5 สุดยอดกาแฟไทย ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้ร่วมงานทั้งคอกาแฟ บาริสต้า เจ้าของธุรกิจร้านกาแฟ ไปจนถึงผู้นำเข้า ผู้คั่ว บริษัทจำหน่ายเครื่องชงกาแฟ และสมาคมกาแฟพิเศษประเทศเกาหลีใต้ (SCA Korea Chapter) เป็นสัญญาณดีที่แสดงให้เห็นว่ากาแฟพิเศษไทยมีคุณภาพและรสชาติอันเป็นที่ยอมรับของตลาดต่างประเทศ
KOREA COFFEE LEAGUE 2018
หนึ่งกิจกรรมกาแฟที่ได้รับความสนใจภายในงาน โดยเฉพาะผู้ร่วมงานชาวเกาหลีใต้เจ้าบ้าน คือเวทีการแข่งขัน Korea Coffee League 2018 ซึ่งประกอบไปด้วยการแข่งขันหลายรายการ ได้แก่ Korea TEAM Barista Championship, Master of Cupping, Master of Brewing และ Korea Barista Championship และทีมงาน Coffee Traveler ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับบาริสต้าสาวสวย เจ้าของรางวัลชนะเลิศจากเวทีการประกวด Korea Barista Championship 2018 Hyeji Kim บาริสต้าสาวชาวเกาหลีประจำร้าน Lussolab ที่มีสาขาในเมือง Jungdong และ Chungdong ซึ่งเริ่มต้นอาชีพบาริสต้าตั้งแต่ปี 2015 โดยสนใจการทำลาเต้อาร์ตในครั้งแรก
“ครั้งแรกที่เริ่มต้นดื่มกาแฟคือการดื่มกาแฟอเมริกาโน่เย็นเพื่อให้หายง่วง และหลังจากที่เริ่มสนใจการทำลาเต้อาร์ตพร้อมกับเริ่มต้นเป็นบาริสต้า จึงทำให้มีโอกาสดื่มและทำความรู้จักกับโลกของกาแฟมากขึ้น”
แม้จะเข้าสู่วงการบาริสต้ามาได้เพียง 3 ปี แต่ Hyeji Kim ก็ตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขัน Korea Barista Championship ในปีนี้เพราะต้องการพัฒนาฝีมือการชงกาแฟของตัวเองอย่างที่กำลังสนใจ ความมหัศจรรย์ทางด้านเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นอุณหภูมิของน้ำ ความชื้นของกาแฟ การบด น้ำ ฯลฯ ล้วนมีผลต่อรสชาติของกาแฟทั้งสิ้น
“ฉันต้องการชงกาแฟที่รสชาติดีและมีคุณภาพให้ได้มากที่สุด เสิร์ฟให้กับลูกค้าที่เข้ามาดื่มกาแฟในร้านทุกวัน”
‘ทำความเข้าใจกับโจทย์ที่ได้รับและใช้สมาธิอยู่กับตัวเอง’ คือหลักสำคัญของการทำทุกสิ่งให้สำเร็จ นอกจากนี้ยังต้องรับฟังทุกๆ ความคิดเห็นเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ แชมป์ Hyeji Kim ใช้เวลาฝึกฝนอย่างหนักหลังจากเลิกงานในทุกๆ วัน พร้อมกับคำแนะนำและความช่วยเหลือของทีมในช่วงวันหยุด
“การได้รับตำแหน่งชนะเลิศไม่ได้สร้างความกดดันให้ฉัน สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตต่างหากคือสิ่งที่ฉันต้องคำนึงถึง จากนี้ไปฉันตั้งใจที่จะพัฒนาคุณภาพของกาแฟร่วมกับทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อให้ได้กาแฟที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้น เพราะฉันต้องการเป็นบาริสต้าที่เก่ง สามารถเข้าใจและมองเห็นความพิเศษของเมล็ดกาแฟแต่ละชนิดที่จะนำมาใช้ในการชงได้”
ตำแหน่งแชมป์ที่ได้มาในครั้งนี้เกิดจากความช่วยเหลือของทีมงานหลายท่าน เริ่มตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่และทีมงานจากร้าน Lussolab ที่เข้าใจและให้การสนับสนุนทุกด้าน
“ฉันเชื่อว่าบาริสต้าหลายคนที่ตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันก็เพราะต้องการรู้จักกับกาแฟและพัฒนาฝีมือตนเองมากกว่าการคาดหวังผลรางวัล ซึ่งฉันเองก็คิดเช่นนั้น และหากเรามุ่งมั่นผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีเสมอ อย่ากลัวที่จะเริ่มต้น เพราะฉันยังทำได้ ดังนั้นทุกคนก็สามารถทำได้เช่นกัน”
WORLD COFFEE BATTLE 2018
จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 สำหรับรายการแข่งขันที่ตัดสินจากความสมบูรณ์แบบในเวลาอันจำกัด World Coffee Battle 2018 ซึ่งประกอบด้วยการแข่งขัน 2 รายการที่ได้รับความสนใจ เร้าใจ ตื่นเต้น และสนุกสนาน ได้แก่ World Signature Battle 2018 และ World Latte Art Battle 2018
เริ่มต้นที่ World Signature Battle 2018 การแข่งขันทำเครื่องดื่มซิกเนเจอร์จากการออกแบบด้วยไอเดียของบาริสต้าที่สมัครเข้าแข่งขัน โดยได้มีการแข่งขันล่วงหน้าไปแล้วก่อนการจัดงาน Café Show ซึ่งผู้ผ่านเข้ารอบมาจากการโหวตผ่านทางออนไลน์ (https://signaturebattle.com) และได้มีการจัดแข่งขันรอบ Final ในงาน Café Show อีกครั้งเพื่อหาผู้ชนะเลิศ
World Signature Battle 2018 รอบตัดสินเป็นการจับคู่เพื่อแข่งขันกันแบบ 1 ต่อ 1 ผู้เข้าแข่งขันมีเวลาสำหรับการเตรียมตัว (ครั้งละ 5 นาที) และแข่งขัน 2 รอบ (รอบละ 5 นาที) รวมทั้งหมด 20 นาที ประดิษฐ์เครื่องดื่มที่สวยงาม น่าสนใจ ในเวลาจำกัด โดยตัดสินจากคะแนนของคณะกรรมการและตัวแทนผู้ร่วมงานทั่วไปในอัตราส่วน 7:3 และผู้ชนะการแข่งขัน World Signature Battle 2018 ในครั้งนี้ได้แก่ Fumiaki Nozato บาริสต้าจากประเทศญี่ปุ่นที่เริ่มต้นอาชีพบาริสต้ามานาน 12 ปี
“ไม่ได้รู้สึกกดดันที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันในครั้งนี้ แต่รู้สึกตื่นเต้นเพราะเป็นการแข่งขันในเวทีใหม่ของตัวเอง และสิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่การคว้ารางวัลชนะเลิศ แต่คือการพัฒนาฝีมือตัวเองร่วมกับทีมงานที่เก่งยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต”
หลังจากที่ตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขัน Fumiaki Nozato จึงพยายามฝึกฝนและฝึกซ้อมทุกวันโดยไม่ได้กำหนดเวลาในการฝึกซ้อมอย่างตายตัว แต่พยายามฝึกซ้อมให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
“ทุกการแข่งขันย่อมมีแรงกดดัน และผมคิดว่าเราจะสามารถก้าวผ่านความกดดันได้ด้วยการฝึกฝน”
Fumiaki Nozato ตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้เนื่องจากต้องการพัฒนาตัวเองทางด้านเทคนิคและการนำเสนอ ต้องการพบเจอเพื่อนใหม่ในวงการกาแฟ และต้องการเปิดโลกกาแฟให้กับตัวเอง เพื่อมอบประสบการณ์ดีๆ ให้กับตัวเองเป็นรางวัล
“จงอย่ากังวลและเขินอายที่จะพัฒนาตัวเองด้วยการร่วมแข่งขันในเวทีต่างๆ เพราะคุณจะได้รับประสบการณ์ดีๆ จากทุกเวทีการแข่งขันอย่างแน่นอน”
WORLD LATTE ART BATTLE 2018
เช่นเดียวกับกติกาการแข่งขัน World Signature Battle 2018 คือการคัดเลือกนอกรอบก่อนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในภายงาน จนได้ผู้ชนะเลิศที่มีฝีมือการทำลาเต้อาร์ตที่สวยงามในเวลาอันจำกัดให้ถูกใจทั้งคณะกรรมการและตัวแทนผู้เข้าชม ได้แก่ Um Paul บาริสต้าหนุ่มชาวเกาหลีผู้มีดีกรีแชมป์จากการแข่งขันในเวที World Latte Art Championship 2016 และ Coffee Fest World Latte Art Championship 2017 ณ กรุงโตเกียว
ความฝันในวันเด็กคือการเป็นเชฟและกิจกรรมยามว่างที่ชอบทำคือการวาดภาพ ดังนั้นเมื่อ Um Paul ได้รู้จักกับลาเต้อาร์ตจึงเกิดความคิดว่า ‘สิ่งนี้คือการวาดภาพบนอาหาร’ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพบาริสต้าและความหลงใหลในลาเต้อาร์ตเมื่อ 14 ปีที่แล้ว
“ความสุขของผมคือการทำให้คนอื่นมีความสุข ในทุกๆ วันผมจึงพยายามเรียนรู้ สร้างจินตนาการ แบ่งปันกาแฟดีๆ ให้กับทุกคน และในอนาคตอันใกล้ ผมกำลังวางแผนที่จะทำโปรเจคสนุกๆ ให้ทุกคนได้ติดตามภายในปีหน้า”
ความหลงใหลในการแข่งขันทำให้ Um Paul รู้สึกสนุกทุกครั้งที่เริ่มต้นลงแข่งในเวทีต่างๆ ความท้าทายที่จะสามารถเอาชนะตัวเองให้ได้กลายเป็นแรงผลักดันให้ลดความกดดันและความผิดพลาดที่ได้รับคือการพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น
“ผมเริ่มต้นลงแข่งในเวทีต่างๆ ตั้งแต่ปี 2005 และทำให้ผู้รู้ว่าตัวเองชอบความท้าทายในการแข่งขัน ซึ่งลาเต้อาร์ตคือสิ่งที่ผมรัก ทุกครั้งที่ลงแข่งจึงเหมือนกับผมกำลังเล่นเกมที่ต้องพยายามแก้ไขปัญหาและพัฒนาทักษะให้เก่งขึ้น คิดเพียงแค่ต้องมุ่งมั่นและตั้งใจทำให้คนรอบข้างมีรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะ จากนั้นก็ลงมือทำและสนุกกับมัน”
เคล็ดลับความสำเร็จคิดการฝึกซ้อมอย่างหนักกับความช่างคิดช่างจินตนาการแบบศิลปินอารมณ์ดี ผลลัพธ์ที่ได้มาจึงคือรางวัลชนะเลิศจากหลายเวที แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นพร้อมกับการทำให้ตัวเองมีความสุข ซึ่งได้แก่ การทำให้คนรอบข้างมีความสุขจากสิ่งที่ตัวเองรัก นั่นก็คือลาเต้อาร์ต
“ผมใช้เวลาในช่วงกลางคืนซึ่งเป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับผมสำหรับการฝึกซ้อม ไม่ได้กำหนดตารางเวลาการซ้อมเอาไว้อย่างตายตัว แต่ผมรักการฝึกฝนเพื่อพัฒนาตัวเอง วิธีการทำผมทำคือ เมื่อใดก็ตามที่ผมเกิดไอเดีย ผมจะรีบลงมือทำ บางครั้งก็หมกมุ่นและไม่หยุดทำจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่เราคิดว่าดีที่สุด”
‘Be a Baby. Think like Baby.’ คือหลักปฏิบัติที่ Um Paul นำมาใช้ในการลงมือทำทุกสิ่ง ทำตัวเหมือนเด็กที่ต้องอาศัยแบบอย่างเป็นแนวทางปฏิบัติ พร้อมที่จะมองหาแบบอย่างที่ดีต่อไปหากทำผิดพลาดเพื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง และการคิดอย่างเด็กจะทำให้เราระมัดระวังในการเริ่มต้นทำอะไรใหม่ แล้วสุดท้ายคุณจะได้พบกับความสุขในแบบของคุณเอง
ความยิ่งใหญ่ของ Café Show ที่นอกจากจะทำให้เราได้อัพเดทเทรนด์ใหม่ๆ ของวงการเครื่องดื่มและขนมแล้ว สิ่งที่ได้กลับมาคือไอเดียใหม่ๆ ในการพัฒนาตนเองจากการได้พบเห็นและพูดคุยกับบุคคลกาแฟที่ล้วนช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้ทั้งสิ้น และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือก้าวแรกในการเดินทางของกาแฟพิเศษไทยสู่นานาชาติที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีเกินคาด