6 ปัญหาผิวในช่วงตั้งครรภ์
ปัญหาผิวพรรณคือสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนให้ความสำคัญไม่เว้นแม้แต่ในช่วงตั้งครรภ์ที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เนื่องจากระดับฮอร์โมนของร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้เกิดปัญหาผิวพรรณสร้างความกังวลใจให้คุณแม่ตั้งครรภ์อยู่ไม่น้อย ดังนั้นคุณแม่มือใหม่จึงควรใส่ใจดูแลผิวพรรณและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อผิวและปลอดภัยต่อลูกน้อยในท้องที่สุด
1. ผิวหมองคล้ำ
ฮอร์โมนที่เพิ่มระดับสูงขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากกว่าปกติ ผิวของคุณแม่ตั้งครรภ์จึงคล้ำขึ้นได้ตั้งแต่ 3 เดือนแรก โดยเฉพาะบริเวณข้อพับ รักแร้ ขาหนีบ ต้นขา และจะคล้ำขึ้นเรื่อยๆ จนถึงหลังคลอด แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะปัญหาผิวคล้ำจะค่อยๆ จางลงได้เองหลังคลอด
2. ฝ้า กระ
เนื่องจากความผิดปกติของเซลล์สร้างเม็ดสี อาจทำให้เกิดฝ้าและกระได้ง่าย มักพบในบริเวณใบหน้า ลำคอ หรือลำตัว ดังนั้นคุณแม่ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด แต่ทั้งนี้ฝ้าและกระบางส่วนจะหายได้เองหลังคลอด แต่บางส่วนที่เกิดจากการติดเชื้อราที่ผิวหนัง อาจต้องใช้วิธีการรักษาที่ถูกต้องในภายหลัง
3. สิว
อาจไม่เกิดขึ้นกับแม่ตั้งครรภ์ทุกคน แต่บางคนอาจมีสิวเห่อขึ้นตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์และจะมีไปจนถึงอายุครรภ์ประมาณ 5 เดือน แต่หลังจากนั้นก็จะเริ่มน้อยลงไป เนื่องจากคุณแม่แต่ละคนจะมีตัวรับฮอร์โมนไม่เท่ากัน ทำให้การตอบสนองที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์แตกต่างกันไป
4. ผิวแห้งกร้าน เป็นขุย
ปัญหานี้นอกจากจะเกิดจากฮอร์โมนแล้วยังอาจเกิดจากสภาพแวดล้อม เช่น อากาศเย็นเกินไป ซึ่งคุณแม่สามารถดูแลปัญหาผิวนี้ได้โดยการใช้ครีมที่มีความเข้มข้นสูง และดื่มน้ำให้มากๆ
5. ผิวเปราะบาง มีอาการคัน
ในช่วงตั้งครรภ์ผิวของคุณแม่จะไวต่อแสงแดดมาก บางท่านอาจมีอาการเจ็บแสบและคัน ซึ่งหากคุณแม่มีปัญหาเรื่องผิวเปราะบาง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ อ่อนโยน
6. ผื่นต่างๆ
ผื่นบางชนิดที่ขึ้นในช่วงตั้งครรภ์อาจไม่ได้เกิดจากปัญหาผิว ดังนั้นคุณแม่ควรหมั่นสังเกตปัญหาพวกผื่นต่างๆ ที่ขึ้นกระจายหรือมากเกินปกติ ซึ่งอาจเกิดจากอาการแพ้หรืออาการแทรกซ้อนอื่นๆ ระหว่างตั้งครรภ์ และควรปรึกษาแพทย์ดีที่สุดค่ะ
เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นลมพิษ
คุณแม่ตั้งครรภ์หลายท่านกำลังเผชิญปัญหาผื่นคัน ผื่นแพ้ หรือลมพิษ แม้บางท่านจะไม่เคยมีประวัติการเกิดผื่นแพ้เลยสักครั้ง แต่ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากขณะตั้งครรภ์ก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้โดยที่เราไม่ทันได้เตรียมใจ ดังนั้นจึงควรรับมือกับผื่นคันหรือลมพิษอย่างถูกวิธีกันด้วยนะคะ
1.หากเกิดอาการคัน ห้ามเกาเด็ดขาด แต่ให้ใช้วิธีการลูบเบาๆ หรือใช้ผ้าชุบน้ำเย็นจัดเช็ดถูบริเวณที่คันแทนการเกาแทนเพราะอาจทำให้ผิวหนังของคุณแม่ถลอกลึกและเกิดอาการติดเชื้อตามมา
2.คุณแม่ตั้งครรภ์ควรดื่มน้ำมากๆ รวมถึงน้ำผลไม้และนม
3.เลือกรับประทานอาหารที่มีวิตามินอี เพราะวิตามินอีช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง
4.หลีกเลี่ยงแสงแดดให้มากที่สุด อาจใช้วิธีกางร่มทุกครั้งที่ต้องเดินกลางแดด หรือใช้ครีมกันแดดที่อ่อนโยนสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะแสงแดดจะกระตุ้นให้คุณแม่เกิดอาการคันมากขึ้นได้
5.สวมใส่เสื้อผ้าที่เบาสบาย ซับเหงื่อได้ดี ไม่รัด รวมถึงเลือกสวมชุดชั้นในที่ไม่รัดตึงราวนมและขาหนีบ หรือหากอยู่บ้านก็อาจเลี่ยงการสวมชุดชั้นในไปเลยยิ่งดีค่ะ
6.หากคุณแม่ผมยาว ควรรวบผมให้ขึ้นไปพ้นใบหน้าและคอ เพื่อป้องกันผิวหนังบริเวณลำคอระคายเคืองจนทำให้เกิดผื่นลมพิษเพิ่มขึ้นได้
7.หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหนอะหนะ และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์เท่านั้น
8.งดใส่เครื่องประดับ โดยเฉพาะที่ทำจากนิกเกิล เช่น ตุ้มหู สร้อยคอ สร้อยข้อมือ เพราะพบว่ามีผู้แพ้นิกเกิล (NICKEL RASH) มากถึงร้อยละ 40 ใน 5 ปีที่ผ่านมา และมักจะแพ้รุนแรงขึ้นในช่วงหน้าร้อน
9.ปรึกษาแพทย์ หากเกิดความกังวลเรื่องผื่นแพ้หรือหากพบว่าเป็นอาการผื่นแพ้ที่ผิดปกติมาก เพื่อการรักษาที่ถูกต้องค่ะ
สิวขณะตั้งครรภ์ ป้องกันได้
คุณแม่ที่ตั้งครรภ์จะมีความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนและและโปรเจนเตอรอนที่เพิ่มขึ้น ทำให้รูขุมขนผลิตน้ำมันมากขึ้นและปัญหาหน้ามันกับสิ่งอุดตันบนในหน้าจนทำให้เกิดสิวก็จะตามมา ทำให้คุณแม่ยิ่งเกิดความความกังวล เครียด หงุดหงิด และยิ่งกระตุ้นให้เกิดสิวเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์ทั้งหลายที่กำลังมีสิวเห่อขึ้นบนใบหน้า จึงต้องหาวิธีรับมือกับปัญหาสิ่วอย่างปลอดภัยกับลูกน้อยในครรภ์
1.ไม่จับสิวบนใบหน้า
เพราะจะทำให้เชื้อแบคทีเรียยิ่งแพร่กระจาย ทำให้เกิดสิวได้มากขึ้น และคุณแม่ควรหมั่นทำความสะอาดมือและเล็บบ่อยๆ เผื่อเผลอไผลใช้มือสัมผัสใบหน้าโดยไม่รู้ตัว
2.รักษาความสะอาดของใบหน้า
ล้างหน้าวันละ 2-3 ครั้งด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน และปลอดภัยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ แต่อย่าล้างมากเกินไปจนผิวแห้งและสร้างน้ำมันขึ้นมากกว่าเดิมนะคะ เพราะนั่นจะยิ่งทำให้หน้ามันและเกิดสิวมากขึ้น
3.ไม่บีบ กด หรือแกะสิว
เพราะจะทำให้เกิดรอยดำ หลุมสิว รอยแผลมากขึ้น และการงดบีบสิวยังช่วยลดการเกิดสิวอักเสบได้ด้วย
4.หลีกเลี่ยงการนวดหน้า แต่งหน้า หรือใช้ครีมบำรุงมากเกินไป
และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทาบำรุงผิวบางประเภทที่เป็นตัวกระตุ้นการเกิดสิว
5.ดื่มน้ำมากๆ
อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น และควรนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
6.เลี่ยงของหวาน ของมัน ของทอด
เพราะน้ำตาลจะทำให้เชื้อยีสต์ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดสิวโตเร็ว และน้ำตาลยังทำให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลหลั่งออกมามากขึ้น ทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน ควรรับประทานผักและผลไม้เยอะๆ
7.ปรึกษาคุณหมอก่อนใช้ยา
หากเป็นสิวอักเสบมากๆ และอย่าลืมบอกคุณหมอว่าตั้งครรภ์ด้วยทุกครั้ง คุณหมออาจให้ยาปฏิชีวนะ เช่น Amoxycillin หรือยาทาเฉพาะที่ ซึ่งไม่เป็นอันตรายกับลูกในท้อง